เอ้า มาต่อจากคราวที่แล้วกันนะครับ พวกเรา วันนี้เราก็จะคุยเรื่อง Phonics ว่าด้วยเสียง พยัญชนะ Consonants
ต่อครับ
เสียง S s ลองออกเสียงคำว่า sail soap sad sun sit sand ดูนะครับ เสียงตัว S ที่เราได้ยิน คือ ซือ แค่เสียงที่ยิงฟันไว้ แล้วปล่อยให้ลมผ่านออกมา ก็จะได้ยินเสียงของ s- ce- se ด้วยเช่นกัน
เสียง T t ลองออกเสียงคำว่า talk take tap table taxi นะครับ เสียง T ที่เราได้คือเสียง เทอะ หรือ เถอะ ซึ่งแน่นอนครับว่า คำที่ลงท้ายด้วยตัว t ก็จะต้องมีเสียงของ t ด้วยเช่นคำว่า pat แพท-เทอะ(เบาๆ) แต่ไม่จำเป็นต้องออกเสียงท้ายแรงมากจนกลายเป็น แพท-เทอะ นะครับ
เสียง V v ถ้าจะให้ได้เสียง V ที่ถูกต้อง ฟันบนจะต้องกัดริมฝีปากล่างไว้เบาๆแล้วออกเสียง เวอ ออกมา ให้สังเกตว่าริมฝีปากล่างจะมีความสั่นสะเทือนด้วย เสียงที่ได้คล้ายเสียง เหวอะ ผสมกับเสียง เฝอะ บอกไม่ได้เหมือนกันว่าออกเป็นเสียงใดกันแน่ เช่นคำว่า view violin van video ส่วนคำที่ลงท้ายด้วย v ก็ต้องมีเสียง v ข้างท้ายด้วยนะครับ เช่น คำว่า drive five life knife เป็นต้น
เสียง W w ตัวอักษรนี้มีชื่อว่า ดับเบิลยู นะครับอย่าไปเปลี่ยนชื่อของเขา ( บางคนอยากอ่านว่า ดับบลิว ก็อนุโลมนะครับ ) ถ้าอยากได้ยินเสียงให้ลองออกเสียงคำว่า wall way walk water watch wait we เสียง w ที่เราได้ยินคือ เสียง เวอะ หรือ วะ ( ซึ่งก็คือเสียง ว แหวน ในภาษาไทยนั่นเอง ) คำภาษาอังกฤษที่ใช้ในการตั้งคำถามแบบเปิด( คำถามแบบที่เราใช้ถามเพื่อให้ได้ข้อมูลมากกว่าคำว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ) แทบทั้งหมดที่เรารู้จักเช่น What Where When Why ก็ออกเสียง w นะครับ ยกเว้น Who , Whose , Whom คำเหล่านี้ออกเสียงเป็นเสียงฮ นกฮูก นะครับ
เสียง X x เสียงของ x คือเสียง k บวกกับเสียง sที่ออกผสมกัน เช่น x-ray xylophone เป็นต้น ซึ่งเสียง x โดยมากจะลงท้ายคำหลายๆ คำ ที่เรารู้จักแต่พวกเรามักไม่ค่อยยอมออกเสียงกัน พวกเราชอบอออกเสียงว่า เอ็ก ทั้งๆที่เสียงมันคือ เอ็กซซซซ์ ซึ่งจะทำให้คำนั้นเสียงเพี้ยนไป เช่น fox ถ้าออกเสียงว่า ฟ็อก จะแปลว่า หมอก แต่ถ้าออกเสียงถูกต้องจะออกว่า ฟ็อกซซซ์ ซึ่งแปลว่า สุนัขจิ้งจอก เป็นต้น
เสียง Y y เสียงของ y คือเสียงของคำว่า yellow yesterday you yes year หรือเทียบเคียงกับ ภาษาไทยคือเสียง ย ยักษ์ นั่นเอง เราจะได้เสียง เยอะ จากการออกเสียงทุกๆ คำข้างต้นนะครับ ลองทำดู
เสียง Z z ตัวอักษรตัวนี้ถ้าคนอังกฤษหรือคนออสเตรเลียนจะเรียกว่า แซด แต่คนอเมริกันจะเรียกว่า ซี ( แต่คนไทย ไม่ต้อง วอรี่ เพราะว่า เราได้ทั้งสองอย่าง 5555 )แต่ เสียงของตัว z นี้ก็คือเสียงเดียวกัน กล่าวคือ เสียงที่ได้จะมีความสั่นสะเทือนระหว่างลิ้นและเพดาน เมื่อจับดูลำคอเราเบาๆจะพบความสั่นสะเทือน ( ขอย้ำว่า เบาๆนะ ไม่ใช่ บีบคอตัวเอง เดี๋ยวขาดใจตาย ไม่รู้ด้วยนะ 5555 ) เช่น เมื่อเราออกคำว่า zip zig zag zoo zebra zero เป็นต้น
นอกจากนี้ การออกเสียงภาษาอังกฤษ ยังมีคำที่ออกเสียงเป็นเสียงควบเหมือนในภาษาไทยด้วยนะครับ เช่น
เสียง bl ลองออกเสียงคำเหล่านี้ blow blind blouse blue blink black blame blanket block blood ให้สังเกตว่าคำพวกนี้ ต้องออกทั้งเสียง b และเสียง l พร้อมๆกัน เช่น ถ้าเราจะอ่านคำว่า black จะต้องออกเสียงว่า เบอะ-แลค เร็วๆ เป็น แบลค เราจะไม่ออกแค่ แบค เด็ดขาด เพราะความหมายต่างกัน ( จริงๆแล้ว พวกเราคนไทยไม่น่าจะมีปัญหานี้ เพราะเรามีคำแบบนี้อยู่แล้ว เช่น คำว่า เพลง คลอง กลอง เป็นต้น )
เสียง cl ลองออกเสียงคำเหล่านี้ clay clean clear clap class claw clever cliff climb cloud clown clue clock close cloth clothes ดู คำทั้งหมดข้างต้นเราต้องออกเสียงของ c และเสียงของ l พร้อมๆกัน เช่น ถ้าเราอ่านคำว่า class ก็จะได้เสียงว่า เขอะ-ลาส เร็วๆ เป็น คลาส ไม่ใช่แค่ คาส นะครับ
เสียง dr ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดู draw dream dress drag drain drop drum dry drink drill drip drive
คำทั้งหมดเมื่อคุณออกเสียงจะต้องมีเสียง d และเสียง r พร้อมๆกัน เช่นคุณอ่านคำว่า drink จะได้เสียงว่า
เดอะ-ริงค เร็วๆเป็นเสียง ดริงค ไม่ใช่แค่ ดิ้ง นะครับ
เสียง fl ลองออกเสียงคำเหล่านี้ flavor fly float flood flower flag flame flash flat flu flute ดู ซึ่งคำทั้งหมดเราจะต้องออกเสียงของทั้ง f และ l พร้อมๆกัน เช่น เมื่อเราจะอ่านคำว่า fly จะได้เสียงว่า เฟอะ-ลาย เร็วๆ กลาย เป็น ฟลาย ไม่ใช่แค่ ฟาย
เสียง gr ลองออกเสียงคำเหล่านี้ grass green grow grill grab grandmother grape group grow คำเหล่านี้ เราต้องออกเสียงของทั้ง g และ r เช่นเมื่อเราต้องการจะอ่านคำว่า grass ต้องออกเสียงว่า เกอะ-ราส เร็วๆ เป็น กราส ไม่ใช่แค่ กาส ยังมีอีกหลายคำที่ออกเสียงควบลองช่วยกันหาเพิ่มเติมดูนะครับ ขี้เกียจ ยกตัวอย่างแล้ว 5555
เสียง sn ลองออกเสียงคำเหล่านี้ sneeze snore snow snack snail snake คำเหล่านี้ทั้งหมดต้องออกเสียงทั้ง s และ n ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า สะ-เนอะ ของทุกๆ คำนะครับ ถึงจะถูกต้อง
เสียง tw ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดูนะครับ twig twin twelve twenty twist คำเหล่านี้ต้องออกเสียงทั้ง t และ w ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า เทอะ-เวอะ ของทุกๆ คำนะครับ
เสียง st ลองออกเสียงคำเหล่านี้ sting store stone study strong stir stop step stick still storm story street
คำเหล่านี้ต้องออกเสียงที่ตัว s และt ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า สะ-เทอะ ของทุกคำนะครับ
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วมาต่อใหม่คราวหน้านะครับ Bye-bye
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น