วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

ฝึก Listening ยังไงดีถึงจะเข้าใจภาษาอังกฤษ ( 30 มีนาคม 2552 )

ปัญหาหนึ่งที่มีนักเรียนถามมากที่สุด คือคำถามที่ว่า จะฝึก Listening ยังไงดีน๊า ถึงจะฟังฝรั่งพูดรู้เรื่องซักที เออ แล้วจะฝึก Listening ได้ที่ไหนบ้างหนอจะได้เก่ง Listening กะเค้าบ้าง ฯลฯ
วันนี้ก็โดนถามอีกแล้ว ว่าทำไงถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ วันนี้ก็ขอเริ่มต้นแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา หลักง่ายๆที่ผมใช้คือหลักของพระพุทธเจ้านะครับ คือให้หลัก อิทธิบาท 4 จริงๆแล้วก็เป็นหลักสากลในการที่จะทำทุกสิ่งให้สำเร็จนะครับ หลักง่ายๆมี ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้นๆ วิริยะ ความพากเพียรทำในสิ่งนั้นๆ จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้นๆ วิมังสา คือ ความหมั่นความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดหย่อน แค่ข้อแรก เราก็แย่แล้ว เพราะว่า ลองถามตัวเองดูสิ ว่า เรามีความพอใจรักใคร่ในภาษาอังกฤษ หรือ อยากเก่งมากแค่ไหน ถ้าอยากเก่งมาก แต่เอาใจใส่น้อย ให้ความสำคัญน้อย โอกาสสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ก็คงไม่ง่าย เพราะมันไม่สอดคล้องกับหลักการ ทุกวันนี้ เท่าที่ผมสังเกต จะเป็นแบบที่ว่านี่แหละครับ คือ อยากให้เก่งมากๆ พูดเป็นไฟ โต้ตอบได้ ฉับไว พึ่บพั่บๆ มีแต่ความอยากแต่ไม่ลงทุน อยากให้มีสูตรสำเร็จ ที่เก่งได้ในสามวันเจ็ดวัน บอกได้เลยว่า ยากส์ ดังนั้นขอให้ใช้หลักอิทธิบาทสี่ของพระพุทธเจ้า ที่ใช้กันมาหลายพันปีนี่แหละ ดีที่สุด ไม่อยากพูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นบรรยายธรรมมะไป 5555 เอาเป็นว่า ขอให้ข้อแรกกะ ข้อสองให้ผ่านก่อนเหอะ ขอเหอะนะ ลงทุนกันหน่อย คนที่เค้าเก่งๆ เค้าก็ลงทุน ลงเวลากันทั้งนั้นแหละ
เอาล่ะ มาที่คำถามว่าแล้วจะฝึก Listening ได้ที่ไหนบ้าง คำตอบก็คือ เราสามารถ ฝึกได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะฝึกรึเปล่า อย่างเช่น ลองฟังรายการข่าวที่พูดเป็นภาษาอังกฤษ หรือ โทรหาเพื่อนแล้วคุยกันเป็นภาษาอังกฤษจนวางสาย ก็ถือว่าฝึกแล้ว ( อ้อ ไม่ต้องโทรมาหาผมนะครับ 55555 ล้อเล่น ครับ โทรมาได้เลย ) พูดง่ายๆก็คือ ฝึกมันทุกอย่างนั่นแหละ เริ่มจากสิ่งง่าย ๆ ก่อนอย่าง ฟังเพลง ดูหนัง ดูข่าว ภาษาอังกฤษเยอะ ๆ ฟังบ่อย ๆ ให้คุ้นหู หรือลองเข้าเว็บต่างประเทศบ่อย ๆ ( อันนี้ คงไม่ต้องสอน เพราะพวกเราคงเข้าบ่อยอยู่แล้ว สารภาพเลยว่า ตัวผมเองที่เก่งได้ส่วนหนึ่งคือ เข้าเวป ทีนี้ พอเจอคำแปลกเราๆก็อยากอ่านรู้เรื่อง ก็เลยขยันเปิดดิก เปิดไปเปิดมา คำศัพท์เต็มหัวเลย ทีนี้ก็ไม่ต้องเปิดศัพท์อีกต่อไป ตอนนี้ แทบไม่ค่อยได้ใช้ดิกเลย แต่ไม่ได้แปลว่า รู้ทุกอย่างนะครับ เป็นไปไม่ได้ แต่เปิดนอยลง เพราะว่า พอนานๆไป เราจะรู้เลยว่า เราไม่ต้องเปิดดิกทุกครั้งเราก็สามารถเข้าใจได้ โดยการเดาศัพท์จากคำรอบๆ แล้วไว้จะเล่าเรื่องการเทคนิคอ่านหนังสือพิมพ์อีกทีครับ ) ดู TV หรือ ดูภาพยนตร์ sound track ก็ช่วยได้ อย่างตัวผมเองกว่าจะเก่งได้ หมดเงินค่าดูหนังไปเป็นแสนแล้ว ผมดูแทบทุกเรื่องเลย ( พูดจริงๆนะ อ้อ แนะนำให้ดูหนังโรแมนติกหรือ แนว ดราม่าเบาๆ ก่อน เพราะว่า พูดกันช้าๆ เข้าใจง่าย อย่าเพิ่งไปดูแนว แอคชั่น สงคราม หรือ แนวทนาย สืบสวน สอบสวนเด็ดขาดเชียว พูดเร็วอย่างกะปืนกล ฟังไม่ทันแล้วจะพาลท้อไปซะก่อน 5555 ) อีกอันที่น่าสนใจคือ การดูช่อง Shopping ทางเคเบิล TV เพราะโฆษณาแวนี้ มักจะมีการใช้คำสละสลวยตรงประเด็นและเข้าใจง่าย
บางคนอ่านหนังสือที่สอนภาษาอังกฤษแล้วไม่รู้เรื่อง ฟังโทรทัศน์ วิทยุก็ไม่รู้เรื่อง ฯลฯ ผมว่า อย่าไปโทษใครเลย เพราะมันขึ้นอยู่กับตัวเราจะฝึกพูดหมั่นซ้อมและพัฒนาภาษาของเรารึเปล่า (ผมว่าทุกคนก็คิดได้แบบนี้นะ แต่ไม่ยักทำสักที 5555 ) โอ้โฮ บางคนลงทุนไปเรียนที่แพง ๆ ดัง ๆ เจอแต่คนเก่ง ๆ ( เน่าเลย ) เซ็งปนเศร้า เพราะดันไปเปรีบเทียบ ตัวเรา ณ วันนี้ กับเค้า ( ผู้ซึ่งน่าจะฝึกมานานแล้ว แล้วก็พาลไม่อยากไปเรียน เลยพูดไม่ได้ เรียนไม่รู้เรื่อง เสียเงินเปล่า ๆ ) ผมว่าไม่แฟร์ ลองใช้จินตนาการที่ผมแนะนำมาตลอดว่า เออ ซักวันนึง ฉันจะต้องเก่งแบบเธอให้ได้เลย เอาเค้าเป็นตัวอย่าง มองให้เห็นตัวเราในอนาคตที่สามารถพูดได้แบบนั้น แล้วเปรียบเทียบกับคนอื่น แบบนี้ถึงจะมีสิทธิ์ สำเร็จ และมีไฟ ไม่ท้อ แต่มีสิ่งหนึ่งที่บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ดีที่สุด คือหาโอกาสไปคุยกับคนที่พูดภาษาอังกฤษ หรือ เจ้าของภาษาโดยตรงก็ได้ นี่แหละเป็นวิธีการฝึกฝนที่ดีที่สุด แหม ไม่อยากจะคุยกับมันเลย เราโง่ภาษาอังกฤษจะตาย ฝรั่งก็มาชวนคุยอยู่ได้ ต้องจำใจคุยด้วยแบบงู ๆ ปลา ๆ บ้า ๆ บอ ๆ เชื่อมั๊ย บ่อย ๆ เข้าเราก็เริ่มชินและกล้าพูดจนได้ ในชั้นเรียนนั่นแหละ เวลาให้พูดอะไรก็พูดไปเหอะ ผิดถูกก็ช่างมันปะไร ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา ใครมันจะเก่งตั้งแต่เกิด พูดๆไป ไม่นานก็พูดได้เอง จริงๆนะ
มาถึงคำถามที่ว่า ทำยังไงถึงจะเก่ง Listening ก็ทำมันทุกอย่างที่บอกมาทั้งหมดนั่นแหละ และต้องทำใจด้วย ทำใจในที่นี้ก็คือ ทำใจให้กล้า กล้าเริ่มต้น กล้าหน้าแตก กล้าโง่ (กล้าถามไง 5555 ) หลาย ๆ อย่าง เริ่มที่เราตั้งใจ ตั้งใจ และตั้งใจ รวมทั้ง ซ้อม ซ้อม และซ้อม ( กลับมา อิทธิบาท สี่ อีกละ ทีนี้เราก็ต้องคอยบอก และให้กำลังใจตัวเองด้วยนะ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็ยังอยู่ที่นั่น เอ๊ย ไม่ใช่ ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะฉะนั้น อย่าหยุดพยายาม นะครับ )
สรุปทั้งหมดที่ว่ามา ผมว่านะ หาแฟนฝรั่งซักคน 55555 หมดเรื่อง อ้อ ก่อนจบ ผมมี ไฟล์มาฝาก เพื่อทดสอบการฟัง อาจง่ายไปซักนิด แต่ลองฟังดูก่อน มีแบบทดสอบให้ด้วยจะได้รู้ว่า เราฟังรู้เรื่องมั๊ยตามนี้นะครับ
http://www.mediafire.com/?sharekey=5507b5f4504eb09cd6baebe61b361f7cca87d30f5952ffe9ce018c8114394287
http://www.mediafire.com/?sharekey=5507b5f4504eb09cd6baebe61b361f7cbe71c3d85ff9f198ce018c8114394287
มีสองเวอร์ชั่นนะครับ ลองฟังดู แล้วอย่าลืม โหลดแบบฝึกหัดมาลองทำด้วย จะได้เข้าใจยิ่งขึ้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น