เอาล่ะ วันนี้เราจะมาต่อกัน หลังจากไปฝึกอ่าน บทฝึกหัด เสียง แอะ เอะ อิ ออะ อะ เรียบร้อยแล้ว อาจรู้สึกเมื่อยปากบ้าง แต่ก็นั่นแหละ เนื่องจาก ภาษาอังกฤษใช้กล้ามเนื้อปากเยอะมาก ถ้าไม่เมื่อยแสดงว่า อออกเสียงผิดวิธีแล้ว ไหนจะ ตัว V , Th , S ,T ฯลฯ 5555
ต่อดีกว่า ถึงไหนแล้วล่ะ อ้อ วันนี้จะคุยเรื่อง สระเสียงยาว จริงๆแล้วมันก็คือตัวที่เราค่อนข้างคุ้นเคยเพราะเราเรียกชื่อตัวอักษรนั้นๆ อยู่แล้ว เช่นชื่อที่เราเรียก A E I O U เสียงที่เราเรียก ก็คือเสียง เอ อี ไอ โอ ยู ซึ่งก็คือเสียงของสระเสียงยาวนั้นเอง
Long A Sound เช่น คำว่า Ace เราอ่านว่า เอด-ส เสียง A เสียงยาวจึงเป็นเสียง เอ แต่ Long A ก็ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ ด้วย เช่น
กลุ่ม -ay เช่น Tray- เทรย์ play-เพลย์ spray-สเปรย์ hay-เฮย์ jay-เจย์
กลุ่ม_ai เช่น sail-เซล snail-สะเนล train-เทรน rain-เรน
กลุ่ม_eigh เช่น eight-เอท weigh-เวท
หมายเหตุ อยากให้สังเกตว่าเสียง egg กับ eight ต่างกันเพราะ egg เป็นสระ e เสียง สั้น แต่ eight เป็น สระ a เสียงยาว egg จึงออกเสียงสั้นว่า eight นะครับ
วิธีสังเกตดูว่า เมื่อไหร่จะออกเสียงสั้ย เมื่อไหร่จะออกเสียงยาว ให้สังเกต จำนวนสระ ในคำนั้นๆ เช่น ปกติ ถ้ามีสระในคำนั้นๆเพียงตัวเดียว อย่าง Cat เราก็จะออกเป็นเสียงสั้น คือ แคะท (เสียงแอะ) แต่ถ้าในคำนั้นๆมีสระ สองตัว เราจะไม่ออกเสียงสระตัวหลัง แต่จะออกเสียงสระตัวหน้าเป็นเสียงยาวแทน ( ซึ่งก็คือเสียงที่เราเรียกสระตัวนั้น อย่างที่บอกตอนต้นว่า เอ อี ไอ โอ ยู เลย ขอให้ดูตัวอย่างดังต่อไปนี้
Short a sound และ Long a sound+silente
mad (แอะ) แมะด made (เอ) เมด
man (แอะ) แมะน mane(เอะ) เมน
hat (แอะ) แฮะท hate(เอะ) เฮท
cap (แอะ) แคะพ cape(เอะ) เคพ
Long E sound เช่น key เราอ่านว่า คี เสียง E เสียงยาวจึงเป็นเสียง อี แต่ Long E ยังมาให้เห็นในรูปอื่น ๆ อีกด้วย เช่น
กลุ่ม_ee เช่น feet meet sheep tree three teeth ( ฟีท มีท ชีพ ทรี ธรี ทีธ )
กลุ่ม_ea เช่น seal jeans eagle meat peanut ( ซีล จีนส อีเกิล มีท พีนัท )
กลุ่ม_ey เช่น money donkey monkey ( มันนี่ ดองคี่ มันนี่ )
กลุ่ม_ie,e เช่น he she cookie chief thief field shield ( ฮี ชี คุกกี้ ชีฟ ธีฟ ฟีลด ชีลด )
Long I sound เช่น ice มีสระสองตัวคือ i กับ e เราจึงอ่านแบบไม่สนใจสระตัวหลัง ให้อ่านเสียงสระตัวแรกเป็นเสียง ไอ ดังนั้น คำนี้จึงอ่านว่า ไอส เสียง I เสียงยาวจึงเป็นเสียง ไอ หรือ อาย ซึ่งเจ้าเสียง Long I ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ อีกเช่น
กลุ่ม_ie,y เช่น fly my shy pie tie อ่านว่า ฟลาย มาย ชาย พาย ทาย
กลุ่ม_igh เช่นhigh night light fight อ่านว่า ไฮ ไนท ไลท ไฟลท
กลุ่ม_ild,ind เช่น find kind mind blind wild child อ่านว่า ไฟน ไคน ไมน ไบลนด ( คำนี้ หรือคำภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด เวลาอ่าน ต้องออกเสียงทุกตัวอักษร จะสังเกตได้ว่า เวลาผมเขียนคำอ่าน จะมีทุกเสียงเลย เวลาออก เสียงก็ต้องครบทุกเสียงเช่นกัน ก้คล้ายๆกับภาษาไทย คำยาวๆ อย่างเช่น คำว่า พิจารณา ถ้าเรามีความรู้ เราก็ต้องออกเสียงว่า พิ จา ระ นา เราจะออกเสียงว่า พิ ลา คนฟังก็จะไมรู้เรื่องหรือ พยายามเดา แต่ก็เดาผิดก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้ ออกเสียงให้ถูกและให้ครบ เพื่ออนาคตเวลาคุยกับฝรั่ง ๆ จะได้รู้เรื่อง นะ นะ ) เอ้า ต่อ ถัดไปก็ ไวลด ไชลด เป็นต้น
อย่างที่บอก ถ้าi เสียงยาวตามด้วย e เราก็จะไม่ออกเสียง อี นะ เช่น
time five bike write hive อ่านว่า ไทม ไฟฟ ไบค ไรท ( อ้อ แถมให้หน่อยนึง เวลาเราเห็น WR อยู่ติดกันแบบนี้ เราจะไม่ออกเสียงตัว w ให้อ่านแบบมองไม่เห็นตัวw ก็เลยออกแต่เสียงตัว R เท่านั้น ) ไฮฟ
Long O sound เช่น Coat เราอ่านว่า โคท เสียง O เสียงยาวเพราะคำนี้มีสระสองตัวคือตัวโอกับตัวเอ เวลาอ่าน เราก็เลยอ่านตัวหน้าเป็นเสียงโอยาว ตัวหลังเราทำเป็นมองไม่เห็นซะ คำนี้จึงออกเสียงเป็นเสียงโอ เช่น rope nose bone home rose hole note อ่านว่า โรพ โนส โบน โฮม โรส โฮล โนท แต่เจ้า Long O ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น
กลุ่ม_oe,oa เช่น คำว่า toe hoe road boat toast อ่านว่า โท โฮ โรด โบท โทสท
กลุ่ม_o,ow,old,ost เช่นคำว่า go no old gold crow bowl snow ghost อ่านว่า โก โน โกลด โครว โบลว สะโนว โกสท เป็นต้น
Long U sound เช่น University เราอ่านว่า ยูนิเวอซิตี้ เสียง U เสียงยาว หรือคำว่า Cute , Mute , Glue , Fuel ,Cube ,Huge,Use มียูกับอีอยู่ด้วยกัน เราเลยออกเสียงแบบมองไม่เห็นตัว e ดังนั้น เสียงจึงเป็นเสียงยู อ่านว่า คะยูท มะยูท กละยู ฟะยูล คะยูบ ฮะยูท ยูส แต่เสียง Long U ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น
กลุ่ม ew เช่นคำว่า screw อ่านว่า สะครู เป็นต้น
พยัญชนะ Consonants
ก็คือการที่ เราออกเสียงพยัญชนะในคำนั้นๆ อย่างเช่น
B b ถ้าอยากได้ยินเสียงของตัวอักษร B ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดูนะครับ
bat bird boat bear เราจะได้ยินเสียงของตัว B คือเสียง เบอะ อ่านว่า แบะท เบอะร์ด โบะท แบร์
C c ตัว c จะมี 2 เสียง คือเสียง เบา กับเสียง หนัก
C เสียงเบาจะออกเสียงตามชื่อเขาเลยว่า ซี เช่น Circle ceiling cell central cereal อ่านว่า เซอเคิล ซีลลิ่ง เซล เซ็นทรัล ซีรีล ส่วน C เสียงหนักก็ที่เราคุ้นเคย กัน เช่น cat cow car come cake แคะท คาว คาร์ คัม เคะก เราจะออกเสียงของตัว C เป็นเสียง เคอะ
ไหนเรามาดูตัว D d กัน เราลองออกเสียงคำเหล่านี้เพื่อจะได้ยินเสียงของตัวอักษร D เช่นคำว่า dog door duck doll dance deer drum เราก็จะได้ยินเสียงของตัว D เป็นเสียง เดอะ อ่านว่า ดอะก ดอร์ ดะก ดอะล แดะนซ เดียร ดระม
ส่วนตัว F f เราลองออกเสียง คำเหล่านี้เพื่อจะได้ยินเสียงของตัว F เช่นคำว่า fan four fun fish food fly อ่านว่า แฟะน โฟร ฟะน ฟิช ฟูด ฟลาย เสียงตัว f ที่เราได้ยินหรือออกเสียง ก็คือเสียงที่ปล่อยให้ลมพ่นผ่านฟันบนและริมฝีปากล่างออกมา เป็นเสีงเฝอะ เฟอะ ลองทำดูนะครับ
เสียง G g ตัว g มี 2 เสียง คือเสียง เบา และเสียง หนัก
G เสียงเบา จะออกเสียง เจอะ หรือ ตามชื่อของเขา คือ จี เช่น Giraffe orange gel gym อ่านว่า จิราฟ ออะเรนจ เจะล จิม ส่วน G เสียงหนัก ถ้าเราออกเสียงคำเหล่านี้จะได้เสียง G หนัก คือ เกอะ เช่น gun go game girl goose ghost good อ่านว่า กะน เกะม เกอะล กูส โกะสท กูด เป็นต้น
เสียง H h ตัวนี้อ่านว่า เอช นะครับ ไม่รู้ทำไมชอบได้ยินคนออกเสียงเป็น เฮช คำเหล่านสี้ต้องออกเสียง เหอะ เช่น Hot House Home Hand ham ออกเสียงว่า ฮอะท เฮาส โฮม แฮนด แฮม เสียงที่เราต้องออกเพื่อให้ได้คำเหล่านี้คือ เฮอะ หรือ เหอะ นั่นเอง
ต่อไป เสียง เจอะ หรือ J j ลองออกเสียงคำเหล่านี้ jump jar jet jug อ่านว่า จะมพ์ จาร์ เจะท จะก(ขอให้สังเกตคำว่า jug มีตัว g ลงท้ายต้องมีเสียง g ตามหลังด้วย คือเสียง เกอะ แต่ไม่ต้องเป็น จัค-เกอะ ออกมาแรง ๆ แค่ออกเกอะในลำคอเบาๆให้พอมีเสียงพอสังเกตก็พอ )
ตัว เคอะ หรือ เขอะ K k ลองออกเสียงคำเหล่านี้ kick kite kitchen king kiss ออกเสียงเป็น คิค ไคท คิทเช่น คิง คิส
ตัว L l ตัว L ถ้าเราวางตำแหน่ง ลิ้นไว้หลังฟันหน้าด้านในติดกับเพดานเราก็จะได้เสียงของตัว L ที่ ถูกต้องขอให้ลองออกคำเหล่านี้ lion love leg lemon lock look อ่าว่า ไลออน โลฟ เละม ออน ลอะค ลุค
ขอให้สังเกตุคำที่ลงท้ายด้วย L ก็ต้องออกเสียงเหลอะหรือ แอล ตอนจบ ด้วยนะครับ เช่น oil ออ-อิล หรือ style สไต-อิล
ตัว M m จะออกเสียง เหมอะ อย่างคำเหล่านี้เช่น moon monkey money man map อ่านว่า มูน มะงกี้ มะนนี่ แมะน แมะพ
เสียง N n ลองออกเสียงเนอะ อย่างคำเหล่านี้เช่น noon name nail nine new อ่านว่า นูน เนะม เนะล ไนล นะยู เสียง ที่เราได้คือเสียง นือ ที่ค่อนข้างขึ้นจมูก ลองสังเกตุคำว่า wine เราต้องออกเสียง n ไว้ ข้างท้ายคำด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะได้เสียงของคำว่า Why ซึ่งกลายเป็นคนละคำ คนละความหมายไปเลย นี่แหละ ถึงได้ย้ำนักย้ำหนาว่าออกให้ถูกน๊า
เสียง P p เพอะ ก็ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดู เช่น pan ponds paper pocket pen party ออกเสียงว่า แพะน พอะนส เพเพอร์ พอกเก็ท เพะน พาร์ตี้ เสียง P ที่เราได้คือเสียง เพอะ ส่วนเสียงท้ายของคำที่ลงท้ายด้วย P ก็ต้องออกเสียงด้วยเช่นกัน เช่น cup แต่เราไม่ต้องออก คัพ-เพอะ ออกมาขนาดนั้น แค่เปิดริมผีปากนิดหน่อยแล้วพ่นลมเหมือนตอนเด็กๆเราเล่นเป่ากบ เราก็จะได้เสียงของคำว่า cup ที่ถูกต้อง
เสียง Q q ลองออกเสียงคำเหล่านี้ queen quiz question quick ออกเสียงเป็น ควะอีน ควะอิซ ควะเอสชั่น ควะอิก เสียง Q ที่เราได้คือ ควะ หรือคล้าย ๆ กับเสียงที่เป็ดร้อง
ตัว R r เสียงของตัว R ถ้าเราจะทำเสียงเหมือนตอนที่เรากลั้วคอตอนเช้า หรือทำเสียงที่เวลาเด็กๆ เล่นรถ แล้วทำเสียง รื่น รื่น ก็จะได้เสียงของตัว r ที่ถูกต้องค่ะ rat run rabbit ring road red read คำที่ลงท้ายด้วย r ก็ต้องมีเสียง r ข้างท้ายด้วยนะครับ เช่น คำว่า car river
ยังเหลืออีกหลายตัวครับ แต่ขออนูญาติพอแค่นี้ก่อน เพราะคงเมื่อยทั้งคนอ่านคนพิมพ์แล้วมั๊งครับ 5555
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น