วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

Basic Sentence Structure วันที่ 3 เมษายน 2552

วันนี้ ตอนแรก ตั้งใจว่าจะคุยเรื่อง Phonics ต่อจากคราวที่แล้ว แต่กลัวว่า นักเรียนในห้องจะเบื่อ ก็เลยเปลี่ยนแนวมาเรียน Grammar แบบง่ายๆ ดูบ้าง จริงๆแล้ว แบบทดสอบที่ใช้ในห้องไม่ได้เป็นของยากอะไรเลย ( อ๋อ ก็ใช่สิ ก็ครูเก่งแล้ว พวกคุณแอบคิดอย่างนี้ใช่มั๊ย ผมรู้ทัน 5555 ) ที่พูดว่าไม่ยาก ก็เพราะว่า มันเป็นแบบ Multiple Choices แถมวิธีการเลือกคำตอบก็ไม่ยุ่งยากเลย เราก็ใช้วิธีการตัดข้อผิดออก แป๊บเดียวก็จะเห็นว่า เจอข้อผิดเต็มเลย สุดท้ายข้อที่ถูกมันก็ผุดออกมาเอง แต่เอาล่ะ สำหรับ คนที่ยังไม่ค่อยมั่นใจ วันนี้ เราจะพูดแบบ ง่ายๆ สั้นๆ ก่อนก็แล้วกัน เนอะ จะได้ไม่หนักเกินไป
โครงสร้างประโยค ที่ใช้กับกริยาทั่วๆ ไป Present Simple Tense เป็นตามตารางนี้นะครับ

หมายเหตุ : เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ กริยาแท้ในประโยค ต้องเติม s หรือ es ส่วนการใช้ Do หรือ Does ขึ้นอยู่กับประธาน ถ้าประธานเป็น I, You, We, They หรือพหูพจน์ ให้ใช้ Do หรือ don't ในประโยคปฏิเสธ แต่ถ้าประธานเป็น He, She, It หรือเอกพจน์ให้ใช้ Does หรือ doesn't ในประโยคปฏิเสธนะครับ
เราจะใช้ Tense นี้เมื่อกล่าวถึง
1. การกระทำ หรือ เหตุการณ์ที่เป็นความจริงเสมอ
The sun rises in the east.
The moon shines at night.
The earth goes round the sun.
Dog have four legs.
2. การกระทำที่ทำเป็นประจำ หรือเป็นนิสัย
The baby cries every night.
They do not walk to school every day.
ทีนี้ เราก็มาดูเรื่องกฎการเติม S ท้ายคำกริยา ถ้าเป็นกริยาทั่วไป ให้ +S เช่น eat – eats , work - works , know – knows , sit – sits เป็นต้น
แต่ถ้า เป็นคำกริยาที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o ให้ +es เช่น pass- passes , teach – teaches , box- boxes ,push- pushes , go-goes เป็นต้น
ส่วนกริยาที่ลงท้ายด้วย y ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้ +s ได้เลย เช่น say – says , Play – plays แต่ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i ก่อนแล้วถึงเติม es เช่น fly – flies , cry – cries เป็นต้น
นี่แหละครับ เป็นการอธิบายที่ง่ายที่สุดแล้ว อ่านแล้วยังไม่เข้าใจก็ถามได้นะครับ ถ้าถามแล้วยังไม่เข้าใจ ทำยังไงก็ไม่เข้าใจ สงสัยต้องตัวใครตัวมันแล้วนะครับ 555555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น